สายพันธุ์โอเวอร์โหลดนี้ได้รับการผสมพันธุ์ที่มียีนมาจากต้นกำเนิดจากชายฝั่งทางตะวันตก ของอเมริกา ที่เป็นการผสมคร่อมสายพันธุ์มากจาก พวกสายพันธุ์ sunset sherbet, OG kush, Durban poinson ถ้าใครเคยปลูกสายพันธุ์เหล่านี้ ก็จะรู้ว่ามีกลิ่นของสายพันธุ์ต่างๆเหล่านี้ปะปนอยู่ .แต่ข้อควรระวังอีกอย่างคือ สายพันธุ์นี้ดูและรักษายากมากในขั้นตอนการปลูก จึงไม่เหมาะกับผู้ที่หัดปลูกเท่าไหร่นัก สายพันธุ์นี้สามารถปลูกได้ในพื้นที่ที่จำกัดได้ แต่เนื่องจากว่ามันมีจุดเด่นตรงมีกิ่งแขนงที่แตกออกมาเยอะมาก อาจจะต้องมีเนื้อที่รอบๆข้าง ให้เขาได้แผ่แขนงออกมาได้บ้าง ในกรณีสำหรับคนที่ปลูกได้ต้นสวยสมบูรณ์.และพันนี้มีขนาดดอกที่ค่อนข้างใหญ่ และมีไตรโคมอยู่เป็นจำนวนมาก แม้ว่าจะเป็นช่วงทำดอกระยะแรกๆ ดังนั้นสายพันธุ์นี้จึงมี THC ที่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว. ส่วนกลิ่นของสายพันธุ์นี้ สำหรับหลายๆคน อาจมีความเห็นว่าบางทีก็มีความคล้ายกับ กลิ่นของมะนาว ผสมเข้ากับกลิ่นของสะระแหน่  หรือบางคนก็อาจมองว่า กลิ่นคล้ายๆกับ ช็อคโกแล็ต ผสมเข้ากับกลิ่นของสตรอเบอร์รี่  ทั้งนี้ในเรื่องกลิ่นก็แล้วแต่มุมมองของแต่ล่ะคน ส่วนระยะทำดอก ข้อควรระวังนิดนึงก็คือเมื่ออายุของดอกเข้าระยะทำดอกได้8 อาทิตย์ หลายๆคนอาจเข้าใจผิดคิดว่าดอกแก่พอสำหรับตัดได้แล้ว แต่ว่าสำหรับสายพันธุ์นี้ ถ้าจะให้แก่ได้ที่จริงๆ และเพื่อให้สารเมาสูงได้เต็มที่สุดๆ ก็ควรทิ้งไว้ ซัก65-70 วันซะก่อนถึงจะครบกำหนดที่แก่จัดพร้อมตัดได้จริงๆ ด้วยดอกที่มีขนาดใหญ่ (ถ้าคุณดูแลให้ต้นสมบูรณ์ได้ดี แสงดี) และมีไตรโคมอยู่เยอะ และค่าสารเมาที่สูง สายพันธุ์นี้จึงเป็นอีก 1ในสายพันธุ์ทางเลือกที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว

 

พันธุกรรม:ซาติว่า70% อินดิก้า 30%

ระยะเวลาช่วงทำดอก: 63-70วัน

THC:20-23%ถ้าดูแลดีๆให้แก่ได้ที่อาจสูงถึง 27%

ผลิตปลูกในเต๊น:500-700 กรัม/ตรม.

ผลผลิตปลูกกลางแจ้ง: ให้ผลผลิตสูง

ความสูงโดยประมาณปลูกในเต๊น : 120-140 ซม.

ความสูงโดยประมาณปลูกกลางแจ้ง:150-220ซม.

เก็บผลผลิตเมื่อ(กรณีปลูกที่ยุโรป):ปลายเดือนตุลาคม

เพศของสายพันธุ์นี้:เพศเมียโฟโต้   
ไม่แนะนำให้เยาชนใช้พืชตัวนี้ เพราะสมองกำลังมีพัฒนาการอยู่นะคะ รอให้โตก่อนค่อยลองก็ยังไม่สายค่ะ.
ส่วนการใช้กัญชา จะมี2วิธีหลักๆคือ
วิธีการกิน ไม่ว่าจะเป็นการหยอดใต้ลิ้น หรือกินในรูปแบบช็อคโกแล็ตหรือบราวนี่นะคะ
อันนี้เป็นการใส่เข้าไปในร่างกายโดยตรง ดีคือมันจะเข้าร่างกายโดยตรงได้เต็มที่ แต่ข้อเสียคือ มันออกฤทธ์ช้า แต่ออกฤทธิ์แรง ทำให้คนกินเข้าไปเผลอ หยอดหรือกินเข้าไปเกินขนาดไปมาก เพราะตอนเวลากินเราจะยังไม่มีอาการ แต่มันจะเริ่มแสดงอาการหลังกินเข้าไป 30-45นาทีต่อมาค่ะ และข้อน่ากลัวก็คือเราไม่รู้เลยว่าคนทำเขา สกัดหรือใส่สารพืชตัวนี้เข้าไปเข้มข้นมากเท่าไหร่ . ดังนั้นให้สังเกตุว่าเวลาใช้การหยอด หรือการกิน ที่เมืองนอกจะต้องได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เวลาที่เราเข้าไปซื้อสินค้าพวกนี้นะคะ  แต่ที่ไทยอันตราย เพราะคนไทยเราขาดความรู้กันเยอะมากนะคะ .
ถ้ากินเกินขนาดก็จะเกิดอาการ หลอน -ผวา -ความดันโลหิตต่ำ-ใจสั่น-หนาว เป็นต้น ในรายที่ลองครั้งแรกและเผลอกินเข้าไปเยอะเกินมากๆนะคะ และก็สุดท้ายก็จะอ้วกออกมาคล้ายอาการคนเมาค่ะ
ส่วนการเมาจากการกินจะออกฤทธิ์ แบ่งเป็น2 ระยะ
ระยะที่1 คือช่วง High ช่วงนี้จะมึนงง ตัวเบา เหม่อลอย จิตนาการเพลิดเพลิน
ระยะที่ 2 คือช่วง After high ช่วงนี้จะโฟกัสเรื่องต่างๆได้ดี สมองแล่น มีความคิดสร้างสรรค์ ในเรื่องงาน อาจมีอาการมึนหน่อยแต่ก็ถือว่าไม่มาก.
ส่วนวิธีการสูบ จะออกฤทธิ์เร็วภายใน2-3นาที
แต่ระยะการเมาจะไวกว่า สั้นกว่าการกิน และเนื่องจากเรารู้อาการเมาได้เกือบในทันที จึงทำให้เราควบคุมการใช้ได้ง่ายกว่าการกิน
และส่วนข้อดีของสาร THC และ CBD ก็อย่างที่รู้กันว่า ช่วยเรื่องออกฤทธิ์ ต่อสมอง ช่วยทำให้ผ่อนคลาย ทำให้สมองหลั่งสารความสุขออกมา เพิ่มภูมิคุ้มกันโรค ลดความเครียด ช่วยลดอาการปวด แก้เครียด ไมเกรน ปวดหัว และทั้งยังช่วยในเรื่อง โรคซึมเศร้ากับผู้ป่วยบางราย และอาการ นอนไม่หลับ ลดความดัน ลดน้ำตาลในเลือด มะเร็ง อาการเบื่ออาหาร และยังช่วยบรรเทาอาการเคลื่อนไส้อาเจียน ในผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ในช่วงทำทำคีโมด้วยเช่นกัน.
จะเห็นได้ว่าพืชตัวนี้ มีประโยชน์มากกว่าโทษนะคะในหลายๆมุม   ถ้าเรารู้จักใช้มันให้เป็นประโยชน์และใช้ให้ถูกวิธี และควบคุมปริมาณการใช้ให้แค่พอเหมาะ. ไม่ใช่ว่าหมกมุ่นอยู่กับการใช้ทุกๆวัน จนทำให้เสียหน้าที่การงาน และเกิดปัญหาในครอบครัวนะคะ.